ณภัทรมิริน (end)
เอ็นดูเราขนาดนั้นเลยรึไง ถึงได้เห็นเราเป็นลูกแมว ก็ประมาณนึงครับ รู้ตัวป่ะเนี่ยว่าพูดอะไรออกมา
ผู้เข้าชมรวม
870
ผู้เข้าชมเดือนนี้
20
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่สดใส นี่น่าจะเป็นเช้าแรกในรอบหลายๆเดือนสินะ ที่รู้สึกถึงการพักผ่อนอย่างเต็มที่นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม หลังจากที่ฉันสู้ชีวิตกับอ่านการหนังสือสอบfinalเป็นสัปดาห์ และยิ่งดีไปกว่านั้นคือวันนี้ครอบครัวของฉันจะได้มานั่งทานข้าวเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากันทุกคนสักที หลังจากที่เลื่อนนัดกันมาหลายรอบ เพราะว่าต่างคนต่างยุ่ง พูดเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่ แต่ที่จริงแล้วครอบครัวของฉันนะเป็นครอบครัวขนาดเล็ก มีสมาชิกครอบครัวด้วยกัน 5 คน มีพ่อ แม่ พี่นินหรือลินินพี่สาวคนโต ฉันรินหรือมิรินลูกคนกลาง และสุดท้ายคือวินหรือกวินต์ลูกชายคนเดียวของบ้าน ถึงสมาชิกจะดูน้อยแต่การกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันสำหรับบ้านฉันถือเป็นเรื่องที่ยากมากเลยละ เพราะพี่นินทำงานอยู่ต่างจังหวัด กลับบ้านได้นานๆครั้ง แต่ถือว่าโชคดีที่สัปดาห์นี้กลับมา ฉันขอมโนเลยละกันว่ากลับมาเลี้ยงฉลองที่ฉันสอบเสร็จ ยังไม่ทันมโนไปไหนไกลจู่ๆก็มีเสียงหวานๆของผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในบ้านเรียกฉันซะแล้ว
“มิรินตื่นหรือยังลูก” ถามในขณะที่ตนเองกำลังตำน้ำพริก
“ตื่นแล้วค่ะแม่ แม่มีอะไรให้หนูช่วยไหมค่ะ” ตอบพร้อมกับสาวเท้าไปยังห้องครอบครัว
“มีจ้า หนูช่วยพาเจ้ามาสุไปกินข้าวหน่อยเร็ว แม่คลุกข้าวกับปลาทูไว้ให้แล้ว แต่สงสัยเจ้าตัวจะยังไม่มีรู้ตัว เลยมานั่งเฝ้าแม่ทำกับข้าวอยู่ในครัว” แม่พูดพร้อมกับยิ้มให้กับเจ้ามาสุ แมวเปอร์เซียขนดำที่ถือได้ว่าเป็นสมาชิกคนที่หกของบ้านไปแล้วตอนนี้
“ได้ค่ะแม่”
พูดเสร็จฉันเดินมาอุ้มเจ้ามาสุจากข้างหลัง แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเหมือนเจ้ามาสุจะตกใจที่ฉันไปอุ้มน้องจากข้างหลัง ซึ่งในตอนนั้นน้องคงโฟกัสกับการตำน้ำพริกของแม่อยู่ และผลจากตกใจของมาสุคือรอยข่วนจากกงเล็บของน้องบนแขนข้างขวาพร้อมเลือดซิบๆ เมื่อเห็นแบบนั้นแม่ก็ได้ตะโกนเรียกทั้งบ้านให้มาปฐมพยาบาลฉัน บอกเลยงานเล่นใหญ่ไว้ใจแม่ เพราะไม่ใช่แค่คนในบ้านเท่านะสิที่ได้ยิน บ้านข้างๆยังวิ่งออกมาดูเลย จนพ่อต้องเป็นคนบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และให้พี่นินมาทำแผลให้ฉัน
“เดี๋ยวรินล้างแผลด้วยสบู่ก่อน ส่วนพี่นะไปเตรียมอุปกรณ์ทำแผลให้”พี่นินพูดหลังจากที่มาส่งฉันหน้าน้ำและตัวเองก็เดินไปตู้ยาในห้องครัวเมื่อฉันพยักหน้ารับว่าเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
เมื่อฉันล้างแผลด้วยสบู่เสร็จ พี่นินก็ได้สำรวจแผลที่แขนของฉันอีกครั้งพร้อมพูดว่า
“แผลค่อนข้างเยอะอยู่นะริน ไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้ากับบาดทะยักไหม”
“พี่นินแผลแค่นี้เองไม่เป็นไรหรอก พี่นินแค่ทำแผลก็พอ เดี๋ยวพรุ่งนี้รินก็หายแล้ว”
“แมวข่วนนะไม่ใช่มีดบาด ถึงจะได้หายเร็วขนาดนั้น”พี่นินเริ่มทำเสียงดุด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงหรอกน้าพี่นิน ถ้าไม่ไหวจริงๆเดี๋ยวรินชวนพ่อไปโรงพยาบาลพรุ่งนี้ก็ได้ วันนี้ตารางชีวิตเต็ม” พูดอย่างไม่เป็นกังวลอะไร
“สอบเสร็จแล้วไม่ใช่รึไงเรา ทำไมตารางชีวิตยังเต็มอยู่”คราวนี้เป็นพ่อบ้างที่เริ่มเอ่ยถาม
“พอดีรินว่ายังมีโครงการที่ต้องสรุปอีก 3 โครงการค่ะ แล้วก็ส่งพรุ่งนี้ทั้งหมดด้วย แต่ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงน้า รินสัญญาถ้าพรุ่งนี้รินสรุปโครงการเสร็จตอนไหนจะรีบให้พ่อพาไปโรงพยาบาล” พูดพร้อมยกนิ้วก้อยขึ้นมา
“บ้างานอีกแล้วสินะพี่ริน” อยู่ๆน้องคนสุดท้ายอย่างวินที่เพิ่งพาเจ้ามาสุไปกินข้าวก็พูดขึ้นฉันจึงต้องรีบอธิบาย
“ไม่ใช่สักนะวิน พี่แค่กลัวส่งงานไม่ทันต่างหาก”
“จริงๆเลยมิรินลูกพ่อ ยังไงก็ห่วงงานได้แต่อย่าลืมห่วงตัวเองด้วยนะ”
“รับทราบค่ะพ่อ พี่นินด้วยไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ขอเบอร์หมอที่โรงพยาบาลให้”
“กวนนะๆ แต่ถ้าได้ก็ดี” จู่ๆจากสถานการณ์ที่ดูตึงเครียดก็ค่อยๆคลี่คลายลงและกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ
หลังจากจบสนทนาดังกล่าวเราก็เริ่มมานั่งที่โต๊ะอาหารและทานข้าวเช้ากัน ภาพที่ฉันเห็นอยู่ตรงหน้ามันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆสำหรับครอบครัวฉันที่มีสมาชิกในครอบครัวทำงานอยู่ต่างจังหวัด หรือแม้กระทั้งฉันเองก็เพิ่งผ่านการเป็นเด็กหอมาหมาดๆ แต่พอมันเกิดขึ้นแล้วมันก็เหมือนเป็นการฉายภาพซ้ำที่เรามากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน ได้แชร์เรื่องราวต่างๆที่แต่ละคนเจอมา พี่นินยังเคยบอกกับฉันว่าครอบครัวเป็นแหล่งพลังงานชั้นดีที่ต่อให้เราจะเหนื่อยจากการทำงานแค่ไหน แค่ได้กลับบ้านมาเจอครอบครัวพลังงานที่กำลังจะหมดก็จะค่อยๆกลับเต็มอีกครั้ง แค่คิดว่าภาพที่กำลังฉายอยู่ตอนนี้ตรงฉันมันจะไม่ปรากฏขึ้นหากฉันต้องไปโรงพยาบาลด้วยแผลที่มืออย่างน้อยนิด ถึงแม้ทุกคนในบ้านจะบอกว่าเยอะก็เถอะ แต่ฉันก็รู้สึกเสียดายแล้วละหากว่าวันนี้มันไม่ได้เกิดขึ้น
ผลงานอื่นๆ ของ Blush ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Blush
ความคิดเห็น